รู้ไว้ใช่ว่า สาระน่ารู้ : บทความเกี่ยวกับอาหารไทย

 


 


 
 

ดื่ม ดื่ม ดื่มนมกันเถอะ

เมื่อไม่กี่วันมานี้ แม่สาลิกาได้เข้าร่วมทำการสัมภาษณ์ พนักงานใหม่ของบริษัท แล้วก็ค้นพบสัจธรรมบางอย่าง เกี่ยวกับอายุที่สัมพันธ์กับรูปร่างค่ะ คือฝั่งเราที่เป็นผู้สัมภาษณ์นี้ก็เฉียดๆ มะพร้าวห้าวกันทั้งนั้น แต่ฝั่งตรงข้ามล้วนยี่สิบต้นๆ ทั้งนั้นค่ะแต่ละคนที่มา ทำให้พวกเรามองหน้ากัน แล้วถอนหายใจกันว่า เด็กสมัยนี้กลายพันธ์กันได้ขนาดนี้แล้วหรือ เด็กรุ่นใหม่ทำให้ คนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่อย่างเรา เข้าใจว่าตัวเองเป็นปิ๊กมี่หลงเผ่าอยู่บ่อยๆ ค่ะ แม่สาลิกาเข้าใจว่าคงเป็นเพราะนโยบายรัฐบาล ที่กำหนดให้เด็กนักเรียนมีนมดื่มกันทุกวันเป็นแน่แท้ น่าชื่นชมค่ะ ว่าเห็นผลชัดเจนดีเหลือเกิน นี่ขนาดมีข่าวๆ อยู่บ่อยนะคะว่า มีการผสมนมดัดแปลงให้เด็กดื่มบ้าง นมบูดบ้าง หรือกระทั่งยักยอกค่านมของเด็กๆ ไปทำอย่างอื่นบ้าง แล้วถ้าผู้ใหญ่ไม่เอาเปรียบเด็ก และจริงใจกับอนาคตของพวกเขามากกว่านี้ แม่สาลิกาว่าเป็นนักบาสฯ ได้ทั้งประเทศแน่เลยค่ะ
นมนั้น แรกเริ่มเดิมทีถูกแบ่งให้อยู่ในหมวด ที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีน เพราะว่ามีส่วนประกอบประเภทโปรตีน เป็นส่วนประกอบหลักค่ะ มีหน้าที่ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ดังเดิม แต่ในความเป็นจริงนั้น นมสดแบบนมโคแท้ๆ นั้นก็ยังมีสารอาหารประเภทไขมัน วิตามิน และเกลือแร่อยู่ด้วยไม่น้อยเลยนะคะ โดยเฉพาะแคลเซียม ที่พูดกันบ่อยเหลือหลายในหมู่สตรี ที่หวาดหวั่นเรื่องกระดุกผุกระดูกพรุน เพราะขาดแคลเซียมค่ะ
นมในท้องตลาดปัจจุบันนี้ มีมากมายหลายรูปแบบมากค่ะ ทั้งนมสดแท้ๆ และนมที่เพิ่มสารอาหารประเภทอื่นเข้าไป เพื่อให้มีคุณค่าทางอาหารมากขึ้น มีนมที่กลายเป็นนมเปรี้ยว เพราะมีการเพิ่มจุลินทรีย์เข้าไป เพื่อให้ประโยชน์ด้านการดูดซึมนะคะ นอกจากนี้ยังมีนมแปรรูปเป็นนมผง นมอัดเม็ดและนมรสต่างๆ เช่น กาแฟ โกโก้ สับประรด หรือสตรอเบอรี่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนมพร่องมันเนยนะคะ สำหรับผู้ที่ต้องคุณค่าทางอาหารของนม แต่ไม่ต้องการไขมันจากนมด้วยค่ะ และที่คุ้นเคยกันอย่างยิ่งอีกประเภทก็คือ นมข้นหวานที่เรานิยมนำมาจิ้มขนมปัง หรือปาท่องโก๋รวมทั้งชงกับกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ นะคะ นมข้นหวานนั้น ถูกดัดแปลงจนคุณค่าทางอาหารด้านอื่นๆ แทบจะไม่เหลือแล้ว นอกจากน้ำตาลกับไขมัน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ ที่สามารถรับประทานอาหารประเภทอื่นชดเชยได้ แต่ไม่เหมาะแก่การเลี้ยงทารกค่ะ
ลองมาอ่านเรื่องราวของนม ในประเทศอื่นกันบ้างนะคะ เรื่องแรกนี้อาจจะพิพักพิพ่วนกันอยู่สักหน่อยค่ะ ชื่อว่า "นมในเมืองแขก" คือเพื่อนแหม่มคนหนึ่งของแม่สาลิกา จำเป็นต้องไปทำวิจัยที่อินเดีย 6 เดือน ทันทีที่กลับมาเมืองไทย เธอก็เล่าให้ฟังว่า ที่อินเดียนั้นนิยมดื่มนมกันมากเช่นกัน ทุกเช้าคนอินเดียจะใช้หม้อทองเหลือง บรรจุน้ำเต็มหม้อทูนหัว เดินออกไปตามสถานที่ สำหรับปลดทุกข์รับอรุณกัน เพราะไม่มีการสร้างห้องน้ำในตัวบ้านมากนัก หลังจากธุระยามเช้าเรียบร้อยแล้ว น้ำในหม้อทองเหลืองที่นำไป ก็ใช้ชำระล้างจนเกลี้ยงหม้อ แล้วขากลับก็ใช้หม้อใบนั้น ไปใส่นมกลับมาบ้านด้วย และนำมาดื่มได้หน้าตาเฉยค่ะ เพื่อนแม่สาลิกาซึ่งเป็นผู้ดีน็อททิงฮิลล์เลยรับไม่ได้ แต่แม่สาลิกาเห็นว่าคนอินเดียเข้าใจใช้ประโยชน์หม้อทองเหลือง ได้เต็มที่ดีนะคะ แต่ถามว่าแม่สาลิกาจะดื่มไหม แฮ่ม… ขอคิดอีกทีก่อนนะคะ
พอถามกลับถึงเรื่องนมกับบ้านเมืองของเธอ เธอเล่าว่า นมสำหรับคนอังกฤษนั้น ไม่ต้องนำหม้อทองเหลือง ออกไปแบกหามกลับมาทุกเช้าหรอก เพราะว่ามีคนส่งนม หรือเรียกว่า Milkman คอยทำหน้าที่มาส่งให้ทุกเช้า และเป็นธรรมเนียมสืบต่อมานานมากแล้ว แต่เมื่อมีซุปเปอร์มาเก็ต คนส่งนมก็มีบทบาทน้อยลงค่ะ
สมัยที่ยังเฟื่องนั้น คนส่งนมจะมีสัมพันธ์อันดีมาก กับเจ้าของบ้านโดยเฉพาะแม่บ้าน ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องปากท้อง ของคนในครอบครัว จนถึงขั้นที่หากลูกที่คลอดใหม่ ออกมาหน้าตาไม่เหมือนพ่อแม่เอาเสียเลย จะมีสำนวนยั่วล้อชนิดยิ้มไม่ออกว่า "Look at the milkman" ซึ่งหมายความว่า แม่บ้านอาจจะชวนคนส่งนม ปีนต้นงิ้วตอนเช้าตรู่ ที่สามียังไม่ตื่นหรืออะไรอย่างนั้นก็ได้
คนส่งนมในอังกฤษจะมาเช้ามาก บางบ้านเลยยังไม่ตื่น จึงมีการสื่อสารกันด้วยโน้ตค่ะ โน้ตดังกล่าวนี้มีรวบรวมเอาไว้ ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เป็นที่ขบขันมากค่ะ เพราะว่าคนเขียนโน้ตอาจจะกำลังง่วงนอนมาก เขียนอะไรพิลึกๆ ให้คนส่งนมงงอยู่บ่อยๆ เช่นว่า "พรุ่งนี้ บ้านนี้จะไม่รับนมนะ ถ้าฉันเขียนพรุ่งนี้ ฉันหมายความว่าวันนี้ เพราะข้อความนี้ฉันเขียนขึ้นเมื่อวานนี้" ซึ่งเป็นไปได้ว่าคนเขียนเขียนตอนกลางคืน แต่คนส่งนมมารุ่งเช้าอีกวัน เลยเกิดถ้อยคำพิลึกพิลั่นอย่างนั้นค่ะ สับสนดีไหมคะ มีบางบ้านโน้ตบอกว่า "คนส่งนมจ๊ะ ส่งนมแล้ว ช่วยพาหมาออกไปปัสสาวะให้ด้วย" แต่บางบ้านทีเด็ดกว่านั้นค่ะ คือ ใช้งานหลายอย่างเลย แต่ลงท้ายโน้ตว่า "…วันนี้ไม่รับนมนะ" เป็นต้นค่ะ บางบ้านบอกว่า "เอานมใส่ตู้เย็นให้ด้วย ค่านมอยู่ในลิ้นชักนะ ช่วยทอนเป็นเหรียญเพ็นนี และวางไว้ที่โต๊ะนะ คืนนี้จะใช้เล่นบิงโก…" เด็ดไหมละคะ… แต่ที่ขำน้ำตาเล็ดไปเลยก็คือว่า บ้านที่เขียนโน้ตว่า "ฉันจะไปต่างจังหวัดหนึ่งอาทิตย์ ไม่ต้องส่งนมนะ แต่ฉันกลัวคนเห็นโน้ต และรู้ว่าฉันไม่อยู่ เขาอาจจะแอบเข้าบ้านได้ ฉันเลยซ่อนโน้ตไว้ใต้พรม" โอ…พระเจ้า แล้วคนส่งนมจะเห็นโน้ตวันไหนละคะ…

กลับไปหน้ารู้ไว้ใช่ว่า สาระน่ารู้

 

 

 

เรื่องดีๆ ที่อยากให้อ่านด้วย


 

เมนูอาหารไทยแนะนำ
 
 


Copyright © 2013 Thaifood DB dot com. All rights reserved.
For more information please contact webcookie