รู้ไว้ใช่ว่า สาระน่ารู้ : บทความเกี่ยวกับอาหารไทย

 


 


 
 

กินอยู่อย่างไร ให้ปลอดภัยไร้โรคา…

แม่สาลิกาจำได้ว่า สมัยที่เป็นนักเรียนอาสมัคร ในโครงการผู้นำนักเรียน ฝ่ายส่งเสริมอนามัยเมื่อปี 2525 นั้น มีคำขวัญอยู่ประโยคหนึ่ง ที่จะต้องท่องกันทุกครั้งก่อนเรียน นั่นก็คือ "สุขภาพดีถ้วนหน้า ปี 2543" ซึ่งก็คือปีนี้นั่นเองใช่ไหมคะ แต่พอมองรอบตัวแล้ว รู้สึกสะเทือนใจเพราะนอกจากจะไม่สุขภาพดีถ้วนหน้าแล้ว ยังเห็นแววว่าจะทรุดกันกราวรูด อยู่รอมมะร่อเต็มไปหมดเลยค่ะ ทั้งนี้ก็เป็นไปได้ว่า จะมาจากความเป็นอยู่ที่อัตคัตแร้นแค้น เพราะเศรษฐกิจตกต่ำ รวมไปถึงความเป็นอยู่แบบใหม่ ที่ไม่มีเวลาใส่ใจกับปากท้อง เพราะต้องเร่งกับการทำงานมากเกินไป และเหตุปัจจัยอื่นใดอีกมากมาย
ภาวะเศรษฐกิจที่มันดิ่งลงเหวเป็นระยะๆ นี้เกิดขึ้นโดยที่คนวางแผน ด้านสุขอนามัยของประชาชน ก็ไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้ จึงเกิดมีคำขวัญค้างเติ่ง ที่ไม่เห็นทีท่าจะสัมฤทธิ์ผลมาให้สะเทือนใจกัน ดังนั้นหากจะรออาศัยแผนการใดๆ จากรัฐ ก็คงไม่ไหวแล้ว เราจึงควรที่หันมาดูแลตัวเองกันเอง เห็นทีจะดีกว่านะคะ เพราะว่าจะมีใครไหนเล่า รู้จักสุขภาพเรา ร่างกายเราดีไปกว่าเรา ผู้ที่อยู่กับมันมาตลอดชีวิต
ปัจจุบันนี้การแผนธรรมชาติ ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นทุกขณะค่ะ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาให้มากที่สุด หันมาเน้นการปรับอาหาร และวิถีชีวิต สำหรับการรักษากลุ่มของโรค หรือความเสื่อมของร่างกายแทน หรือที่ได้ยินกันบ่อยๆ ว่า หลักอาหารของธรรมชาติบำบัดนั่นเองค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาวมากทีเดียว เพราะหากจะพิเคราะห์ให้ซับซ้อนก็ซับซ้อนได้ ชนิดที่ท่านอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ท่านเขียนหนังสือได้หลายเล่ม ก็ไม่จบเสียทีนั่นแหละค่ะ แต่หากจะมองให้ง่าย ก็ง่ายชนิดที่เข้าใจได้ ภายในเพียงสองสามย่อหน้าเลยค่ะ
สำหรับหลักการแบบง่ายๆ นี้ แม่สาลิกายกมาจากหนังสือของ นพ. บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล นะคะ ท่านว่าไว้สั้นๆ ค่ะ คือ ให้รับประทานข้าวกล้องมากกว่าข้าวขัดขาว เพราะคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ในข้าวกล้องจะย่อยช้า ให้เวลาสำหรับตับอ่อนของเราขับอินซูลินกำลังดีค่ะ และวิตามินบีในข้าวกล้อง ก็จะช่วยเผาผลาญน้ำตาล ได้อย่างหมดจด และเส้นใยที่มีมากกว่าข้าวขัดขาวถึง 9 เท่า ทำให้เราอิ่มง่าย น้ำตาลในเลือดจึงไม่สูง วิตามิน อี และซีรีเนียม ก็จะต้านอนุมูลอิสระ
ปกป้องหลอดเลือด และหัวใจของเราค่ะ
ต่อมา…ให้หลีกเลี่ยงไขมันที่อิ่มตัวนะคะ โดยการลดอาหารที่ปิ้ง ย่าง ทอด หรือที่อุดมด้วยไขมัน และเนยทั้งหลายค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์นั้น ให้บริโภคได้แต่พอควรค่ะ ทางที่ดีควรเป็นปลา หรือไก่จะดีกว่า และอย่าลืมพวกปลาเล็ก ปลาน้อย กุ้งแห้ง ปลากรอบ พวกนี้ด้วยนะคะ จะได้ประโยชน์ด้านแคลเซียมค่ะ แต่อย่าเผลอไปรับประทาน เป็นกับแกล้มนะคะ เพราะว่าจะไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการเลยค่ะ
สำหรับท่านที่เป็นมังสวิรัติ ก็ต้องรับประทานผักและผลไม้ให้มาก โดยเฉพาะผักและผลไม้พื้นบ้านค่ะ เพราะว่าอุดมด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และสำคัญ หลังจากรับประทานอย่างถูกวิธีแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายควบคู่กันไป ให้สม่ำเสมอด้วยนะคะ เช่น เดินแกว่งแขวน ฤาษีดัดตน หรือว่าฝึกโยคะ ไท้เก๊ก อะไรก็ว่าไปตามอัตภาพค่ะ และที่สำคัญเรื่องของจิตใจ ต้องให้ร่าเริงแจ่มใสเข้าไว้ รับรองว่าอย่างไรก็สุขภาพจิตดี สุขภายกายดีแน่นอนเลยค่ะ
ขอทบทวนพุทธพจน์ ที่คุ้นเคยกันแล้วเป็นอย่างดีเสียหน่อยนะคะ "อโรคยา ปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" นั้น เป็นข้อเท็จจริง ที่ใครต่อใครก็เห็นด้วยอย่างยิ่งใช่ไหมคะ ยกเว้นโรงพยาบาลบางแห่ง ที่ขาดจรรยาบรรณ ต้องการเห็นคนป่วยมากกว่าคนสุขภาพดี เพราะการที่มี โรคา นั้น ถือว่าเป็นปรมา ลาภา สำหรับโรงพยาบาลค่ะ แต่สำหรับผู้ไม่ด้อยโอกาสทางการกิน อย่างเพื่อนแม่สาลิกาคนหนึ่ง ที่ชอบกินเนื้อเป็นนักเป็นหนานั้น แม้ว่าข่าววัวเป็นโรคระบาดในอังกฤษ จะครึกโครมเพียงใด เธอก็ยังไม่หวาดหวั่นต่อการกิน เพราะเธอให้เหตุผลว่า วัวที่เธอกิน เป็นวัวประเทศไทย ที่ไม่เป็นอะไรกับโรคระบาดสองบาทอะไรนั่นเลย ดังนั้น "โค ที่ อโรคยา จึง ปรมา ลาบา หรือ วัวไม่มีโรค จึงเป็นลาบอันประเสริฐ" เชียวล่ะ และหากจะเป็นอะไรขึ้นมา ก็คงไม่ต้องห่วงหรอก เพราะโรคระบาดสองบาทนี่ ย่อมพ่ายแก่โรคละสามสิบบาทอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลย ก็จริงของเธอนะคะ โรคระบาด ที่ไหนจะสู้โรคละสามสิบบาทได้ หวังว่าเราจะบรรลุคำขวัญ "สุขภาพดีถ้วนหน้า ปี 2543" กันได้ด้วยนโยบายนี้นะคะ

กลับไปหน้ารู้ไว้ใช่ว่า สาระน่ารู้

 

 

 

เรื่องดีๆ ที่อยากให้อ่านด้วย


- วิธีทำแกงส้มให้อร่อยเริด
 

เมนูอาหารไทยแนะนำ
 
 


Copyright © 2013 Thaifood DB dot com. All rights reserved.
For more information please contact webcookie